เมนู

ปาริฉัตตกวรรคที่ 3


1. อุฬารวิมาน


ว่าด้วยอุฬารวิมาน


[29] พระมหาโมคคัลลานเถระถามนางเทพธิดา ด้วยคาถาว่า
ดูก่อนนางเทพธิดา ยศและวรรณะของท่าน
ยิ่งใหญ่ สว่างไสวรูปทั่วทุกทิศ เหล่าเทพนารีและ
เหล่าเทพบุตรทั้งหลายประดับประดาดีแล้ว ฟ้อนรำ
ขับร้อง ทำให้ท่านร่าเริง ห้อมล้อมเพื่อบำเรอท่านอยู่
วิมานของท่านเหล่านี้ล้วนแต่เป็นวิมานทองคำ น่าดู
น่าชมมาก ทั้งท่านเล่าก็เป็นใหญ่กว่าเทพเจ้าเหล่าที่
สมบูรณ์ด้วยความปรารถนาทุกอย่าง มีความเป็นอยู่
อันยิ่งใหญ่ ร่าเริงใจอยู่ในหมู่ทวยเทพ. ดูก่อนนาง
เทพธิดา ท่านอันอาตมาถามแล้ว ขอจงบอกผลนี้
แห่งกรรมอะไร.

นางเทพธิดาตอบว่า
ในชาติก่อน ดีฉันเป็นมนุษย์อยู่ในมนุษยโลก
เป็นบุตรสะใภ้ในตระกูลของคนทุศีล ซึ่งเป็นตระกูล
ที่มีพ่อผัวแม่ผัวไม่มีศรัทธา เป็นคนตระหนี่ ดีฉัน
ถึงพร้อมด้วยศรัทธาและศีล ยินดีในการแจกทาน
ตลอดกาล ได้ถวายขนมเบื้องแก่สมณะซึ่งกำลังเที่ยว

บิณฑบาตอยู่ แล้วจึงได้บอกแก่แม่ผัวว่า มีพระสมณะ
มาที่นี่ ดีฉันเลื่อมใส ได้ถวายขนมเบื้องแก่ท่านด้วย
มือของตน แม่ผัวว่าดีฉันว่า นางสู่รู้ ทำไมเธอจึงไม่
ถามฉันเสียก่อนว่า จะถวายทานแก่สมณะดังนี้เล่า
เพราะการถวายขนมเบื้องนั้น แม่ผัวเกรี้ยวกราดเอา
ทุบตีดีฉันด้วยสาก ดีฉันไม่อาจมีชีวิตอยู่ได้นานจึง
สิ้นชีพลง พ้นจากการทรมานอย่างสาหัส จุติจาก
มนุษย์นั้นแล้วจึงได้มาเกิดบนสวรรค์ เป็นพวกเดียว
กันกับเทพเจ้าชั้นดาวดึงส์ เพราะบุญกรรมนั้น ดีฉัน
จึงมีวรรณะงามเช่นนี้ ฯลฯ และมีรัศมีสว่างไสวไป
ทั่วทุกทิศ เพราะบุญกรรมนั้น.

จบอุฬารวิมาน

ปาริฉัตตกวรรควรรณนาที่ 3


อรรถกถาอุฬารวิมาน


ปาริฉัตตกวรรคที่ 3 พึงทราบวินิจฉัยดังต่อไปนี้ อุฬารวิมานมี
คาถาว่า อุฬาโร เต ยโส วณฺโณ ดังนี้เป็นต้น. อุฬารวิมานนั้น
เกิดขึ้นอย่างไร ?
พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ ณ เวฬุวันมหาวิหาร อันเป็นที่ให้
เหยื่อแก่กระแต ใกล้กรุงราชคฤห์. สมัยนั้น ในตระกูลอุปัฏฐากของท่าน
พระมหาโมคคัลลานเถระ ได้มีหญิงสาวคนหนึ่งชอบให้ทาน ยินดีในการ
แจกจ่ายทาน. นางให้ของเคี้ยวของบริโภคก่อนอาหารอันเกิดขึ้นในเรือน
นั้น ครึ่งหนึ่ง จากส่วนแบ่งที่ตนได้. ตนเองบริโภคครึ่งหนึ่ง หากยัง
ไม่ให้ก็ไม่บริโภค เมื่อยังไม่เห็นผู้ที่ควรให้ก็เก็บไว้แล้วให้ในเวลาที่ตน
เห็น. นางให้แม้แก่ยาจก. ครั้นต่อมามารดาของนาง ชื่นชมยินดีว่าลูก
สาวขอเราชอบให้ทาน ยินดีในการแจกจ่ายทาน จึงให้เพิ่มขึ้นเป็น
สองส่วนแก่นาง. อนึ่ง มารดาเมื่อจะให้ ย่อมให้เพิ่มขึ้นอีกในเมื่อลูกสาว
ได้แจกจ่ายส่วนหนึ่งไปแล้ว. นางทำการแจกจ่ายจากส่วนนั้นนั่นเอง.
เมื่อกาลเวลาผ่านไปอย่างนี้ มารดาบิดาได้ยกลูกสาวนั้น ซึ่งเจริญวัย
แล้วแก่กุมารในตระกูลหนึ่งในเมืองนั้นนั่นเอง. แต่ตระกูลนั้นเป็นมิจฉา-
ทิฏฐิ ไม่มีศรัทธา ไม่มีความเลื่อมใส. ครั้งนั้นท่านพระมหาโมคคัลลานะ
ออกบิณฑบาตไปตามลำดับตรอกในกรุงราชคฤห์ ได้ไปยืนอยู่ที่ประตู
เรือนของพ่อผัวของนาง นางครั้นเห็นพระมหาโมคคัลลานะนั้นก็มีจิต